นิทานภาษากลาง (สุพรรณบุรี)

Central Folktales (Supanburi Dialect)

ขอขอบพระคุณ อาจารย์นวลพรรณ ยิ้มยวน
หัวหน้าหมวดวิชาภาษาไทย
โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จ.สุพรรณบุรี
สำหรับความเอื้อเฟื้อในการเก็บข้อมูล

Since November, 2004.v

นิทานเรื่อง "บางแม่หม้าย" เล่าโดย นายณัฐพงศ์ คงวังศ์ อายุ 16 ปี ภูมิลำเนา อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เมื่อ 17 ก.ย. 2544
นิทานเรื่อง "วังตาเพชร" เล่าโดย นายณัฐพงศ์ คงวังศ์ อายุ 16 ปี ภูมิลำเนา อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เมื่อ 17 ก.ย. 2544

ฟังนิทานทีละช่วง ด้วย WAV Format โดยกดปุ่ม ในตอนต้นของแต่ละตอน หรือ

ฟังนิทานทีละช่วง ด้วย RealMedia Format โดยกดปุ่ม ในตอนต้นของแต่ละตอน หรือ

ฟังนิทานทีละช่วง ด้วย MP3 Format โดยกดปุ่ม ในตอนต้นของแต่ละตอน

 

 

 

 

 

นิทานเรื่อง "บางแม่หม้าย"

  ฟังนิทานทั้งเรื่อง ความยาว 1นาที 52 วินาที ด้วย RealMedia Format


คำถอดเทป



มีเรื่องเล่ากันว่ามีชายหนุ่มสองพี่น้อง
ผูกสมัครรักใคร่สาวทางบ้านบางแม่หม้าย
จนถึงได้สู่ขอและกำหนดนัดวันแต่งงาน
เมื่อถึงกำหนด
ฝ่ายเจ้าบ่าวก็เคลื่อนขบวนสำเภาขันหมาก
มารับพวกมโหรีที่บ้านแห่งหนึ่ง เรียกว่า บ้านบางซอ
ซึ่งวงมโหรีได้บรรเลงเพลงมาตามทางอย่างสนุกสนาน


แต่ที่สนุกที่สุด ก็เมื่อเดินทางมาถึงย่านน้ำอันกว้างใหญ่
อุดมไปด้วยสัตว์น้ำที่ดุร้ายคือ จระเข้
ได้เกิดพายุใหญ่พัดจนสำเภาล่ม
จึงเรียกสถานที่แห่งนั้นว่า
บ้านสำเภาล่ม หรือสำเภาทะลาย
ปัจจุบันเรียก บ้านสำเภาทอง

เมื่อเรือล่ม บางคนก็จมน้ำตาย
บางคนก็ถูกจระเข้คาบไป
เจ้าบ่าวถูกจระเข้คาบว่ายไปทางทิศเหนือ
ถึงบ้านเจ้าสาว
เมื่อพวกเจ้าสาวเห็นก็จำได้
จึงไปบอกเจ้าสาว
เจ้าสาวเสียใจมาก
วิ่งตามตลิ่งตามดูเจ้าบ่าวไปจนถึงที่แห่งหนึ่ง
ซึ่งไม่อาจตามไปได้ทันท่วงที
จึงได้แต่แลมองไปจนสุดสายตา
ที่ที่เจ้าสาวยืนมองอยู่นี้
ต่อมาเรียกว่า วัดบ้านสุด


แม้กระนั้นนางก็มิได้ท้อถอย
มุ่งหน้าติดตามไปเรื่อย ๆ จนเหนื่อยอ่อน
จึงนั่งพักที่โคกแห่งหนึ่ง
ต่อมาได้ชื่อว่า "โคกนางอ่อน"
เมื่อหายเหนื่อย นางก็ตามต่อไปอีก
จนถึงโพนางเซา


ต่อมานางได้ข่าวว่า
มีจระเข้คาบ
คนรักไปทางทิศใต้
จึงย้อนกลับมาและพบศพ
นางจึงนำศพมาฌาปนกิจที่วัด
ต่อมาวันนั้นชื่อว่า "วัดศพ"
ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดประสบสุข
และบ้านเจ้าสาวจึงได้ชื่อว่า
"บางแม่หม้าย" มาจนทุกวันนี้

go to top

 

 

นิทานเรื่อง "วังตาเพชร"

  ฟังนิทานทั้งเรื่อง ความยาว 55 วินาที ด้วย RealMedia Format

 
คำถอดเทป


แถว ๆ โรงสี ตอนนี้เค้าถมที่กลายเป็นโรงสีไปแล้ว
เขาเล่าให้ฟังว่า
แต่ก่อนจะมีชายแก่อยู่คนนึง
เขาเรียนพวกเวทย์มนต์อะไรพวกนี้ คาถา
ก็มีเมีย อยู่ด้วยกันสองตายาย


วันหนึ่งก็จะไปทำบุญ
เมียก็ไม่มีเรือ
ก็จะตัวเองก็มีคาถาแปลงตัวเป็นจระเข้
ก็เลยแปลงตัวเป็นจระเข้
ให้เมียเดินทางข้ามไปฟากนู้น
เพื่อที่จะไปทำบุญที่วัด

พอดีเขาก็เสกน้ำมนต์ไว้ขันนึง
บอกว่าระหว่างเดินทาง
ให้ถือขันน้ำมนต์นี้ไปด้วย
เวลาข้ามฟากแล้วก็เทน้ำมนต์รดหัวจระเข้
ซึ่งตาคนนี้ได้แปลงเป็นจระเข้
แล้วตัวเองก็จะกลับกลายเป็นคน


แต่ว่าเวลาถึงกลางแม่น้ำเนี่ย
ขันน้ำมนต์มันก็เกิดหก
ตามันก็เลยไม่สามารถที่จะกลายเป็นคนได้
ก็เป็นจระเข้ตลอด
เขาก็เลยเรียกตรงนั้นว่า บึงตาเพชร

 

go to top

 

| Return to Thai Regional Folktales Page |


Revised: 12-12-2001