Khloong

คัดจาก: หลักภาษาไทย ของ กำชัย ทองหล่อ

 

โคลง คือคำประพันธ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีวิธีเรียบเรียงถ้อยคำ เข้าคณะ มีกำหนดเอกโท และสัมผัส แต่มิไดบัญญัติ บังคับ ครุลหุ โคลงแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ โคลงสุภาพ โคลงดั้น และโคลงโบราณ

โคลงสุภาพ แบ่งออกเป็น ๗ ชนิด คือ 

๑. โคลง ๒ สุภาพ 
๒. โคลง ๓ สุภาพ 
๓. โคลง ๔ สุภาพ 
๔. โคลง ๔ ตรีพิธพรรณ 
๕. โคลง ๕ หรือมณฑกคติ (ปัจจุบันไม่นิยมแต่งกันแล้ว)
๖. โคลง ๔ จัตวาทัณฑี
๗. โคลงกระทู้

โคลงดั้น แบ่งออกเป็น ๖ ชนิด คือ

๑. โคลง ๒ ดั้น 
๒. โคลง ๓ ดั้น 
๓. โคลงดั้นวิวิธมาลี
๔. โคลงดั้นบาทกุญชร 
๕. โคลงดั้นตรีพิธพรรณ 
๖. โคลงดั้นจัตวาทัณฑี

โคลงโบราณ มีลักษณะคล้ายโคลงดั้นวิวิธมาลี แต่ไม่บังคับเอกโท มีบังคับแต่เพียงสัมผัสเท่านั้น เป็นโคลงที่ไทยเรา แปลงมาจากกาพย์ ในภาษาบาลี อันมีชื่อว่า คัมภีร์กาพยสารวิลาสินี ซึ่งว่าด้วยวิธีแต่งกาพย์ต่างๆ มีอยู่ ๑๕ กาพย์ด้วยกัน แต่มีลักษณะเป็นโคลงอย่างแบบไทยอยู่ ๘ ชนิด เพราะเหตุที่ไม่มีบังคับเอกโท จึงเรียกว่า โคลงโบราณ นอกนั้น มีลักษณะเป็นกาพย์แท้
แบ่งออกเป็น ๘ ชนิด คือ

๑. โคลงวิชชุมาลี
๒. โคลงมหาวิชชุมาลี
๓. โคลงจิตรลดา 
๔. โคลงมหาจิตรลดา 
๕. โคลงสินธุมาลี 
๖. โคลงมหาสินธุมาลี
๗. โคลงนันททายี
๘. โคลงมหานันททายี


ข้อบังคับ หรือบัญญัติของโคลง
การแต่งโคลง จะต้องมีลักษณะบังคับ หรือบัญญัติ ๖ อย่าง คือ

๑. คณะ 
๒. พยางค์ 
๓. สัมผัส 
๔. เอกโท 
๕. คำเป็นคำตาย 
๖. คำสร้อย

คำสุภาพในโคลงนั้น มีความหมายเป็น ๒ อย่าง คือ 

๑.หมายถึง คำที่ไม่มีเครื่องหมาย วรรณยุกต์เอกโท 
๒.หมายถึง การบังคับคณะ และสัมผัส อย่างเรียบๆ ไม่โลดโผน

ฉะนั้น คำสุภาพใน ฉันทลักษณ์ จึงผิดกับคำสุภาพใน วจีวิภาค เพราะในวจีวิภาค หมายถึง คำพูดที่เรียบร้อย ไม่หยาบโลน ไม่เปรียบเทียบ กับของหยาบ หรือไม่เป็นคำ ที่มีสำเนียง และสำนวนผวนมา เป็นคำหยาบ ซึ่งนับอยู่ในประเภทราชาศัพท์ 

| ถอยกลับสู่หน้า ร้อยกรองฯ - Return to Thai Poetry Page |
Revised: 19-Feb-98